ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย
ประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นเองกับตัวพี่เอง หลายๆ เรื่องก้อเป็นความผิดพลาดที่พี่ไม่อยากพูดถึงมัน มันเป็นความน่าอับอาย ความหลงผิด แต่ทุกเรื่องล้วนเป็นบทเรียน เป็นบททดสอบ เป็นครู เป็นเเรงผลักดันที่ทำให้พี่เเข็งเเกร่งเเละผ่านมันมาจนมีวันนี้ได้ และถ้ามันจะช่วยเป็นแรงบันดานให้คนที่ท้อแท้สิ้นหวังได้มีพลังสู้ขึ้นมาพี่ก็ยินดีจะเล่าสู่กันฟังค่ะ
ชีวิตในวัยเด็กได้อาศัยอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นในจังหวัดหนองคายมี พ่อ แม่ พี่สาว พี่ชาย แล้วก็ตัวพี่ ตั้งเเต่จำความได้ พี่ต้องช่วยงานครอบครัวทุกอย่างเท่าที่เด็กคนหนึ่งพอจะทำได้ เพราะครอบครัวของเราเป็นครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย เเค่พอมีจะกิน เเต่นั่นคือช่วงเวลาที่พี่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตพี่ เเล้วโชคชะตาก็มาพรากความสุขของพี่ไป
แม่พี่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก เราใช้เงินจำนานมากในการรักษาท่าน เงินเก็บเพียงน้อยนิดที่มีก็หมดไป พี่สาวกับพี่ชายพี่จบ ป.6 ก็ต้องออกจากโรงเรียน มาหางานทำที่กรุงเทพ ตอนนั้นพี่อายุได้ 10 ขวบ ชีวิตวัยเด็กที่เคยสดใสของพี่ต้องหมดไป เกิดความท้อเเท้ อ่อนเเอว่าทำไมชีวิตชั้นต้องมาเจอกับเรื่องเเบบนี้ ทำไมชั้นไม่ได้วิ่งเล่นกับเพื่อน ไม่ได้ไปเที่ยว ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่เหมือนคนอื่น
เลิกเรียนพี่ต้องรีบกลับบ้านไปดูเเลแม่ เพราะท่านไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พี่ต้องทนเห็นเเม่ร้องครวญด้วยความเจ็บปวดเป็นระยะเวลารวมเกือบสองปี พ่อเป็นผู้นำครอบครัวที่ไม่เคยเเสดงความอ่อนเเอให้ลูกๆ เห็นเลย เเต่พี่เคยเเอบเห็นพ่อร้องไห้ พี่รู้..พ่อรักแม่มาก พ่อยอมขายทุกสิ่งที่มีเพื่อรักษาเเม่ เเต่เราก้อเยื้อชีวิตเเม่ไว้ไม่ได้ เเม่เสียชีวิตลงตอนพี่อายุ 12 ปี
หลังเสร็จงานศพ พ่อต้องมาทำงานที่กรุงเทพ หาเงินใช้หนี้สินที่กู้ยืมไปใช้ในการรักษาเเม่ พี่ต้องอยู่คนเดียวในต่างจังหวัดเพื่อเรียนให้จบ ป.6 ต้องดูเเลตัวเองทุกอย่าง ทำเองทุกอย่าง เพราะญาติๆ แต่ละคนอยู่ไกลคนละอำเภอ พี่ต้องทนกับเเรงกดดัน การดูถูกจากคนรอบข้าง บ้างก็ว่าพี่จะเรียนไม่จบมั่งละ บ้างก็ว่าเดี๋ยวก็ท้อง เเต่คำพูดเหล่านี้กลับเป็นเเรงผลักดันให้ตัวพี่ว่าพี่ต้องทำได้ พี่ต้องเรียนให้จบแล้วดีด้วย
พี่เป็นเด็กเรียนดี กีฬาเด่น พี่สอบได้ที่ 1 ตลอดเลยนะ พี่มักจะได้ทุนการศึกษาบ่อย เพราะความเมตตาของอาจารย์หลายๆ ท่าน มันจึงช่วยเเบ่งเบาค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้บ้าง จวบจนพี่เรียนจบ พี่ได้ทุนเรียนต่อ เเต่พี่ต้องทิ้งทุนนั้น เพื่อตามครอบครัวมาทำงานที่กรุงเทพ
พี่เริ่มทำงานตั้งเเต่พี่อายุยังไม่ 14 ด้วยซ้ำ งานเเรกของพี่เป็นงานร้านอาหารที่เขาทำกันเป็นครอบครัวมีพี่เป็นลูกจ้างคนเดียว ตื่น 8 โมงเช้า เข้านอน สี่ทุ่มกว่า อยู่ที่อำเภอบางปะกง จังหวัดชลบุรี กินอยู่กะเขา ทำทุกอย่าง ตั้งแต่เด็กเสิร์ฟ ล้างจาน ทำความสะอาดร้าน บางครั้งได้เข้าไปช่วยในครัวด้วย พี่รู้สึกโดดเดี่ยว คิดถึงเเม่ อยากกอดใครสักคนเเต่ได้เเค่นอนร้องไห้คนเดียวไม่ให้ใครเห็นความอ่อนแอ ปีหนึ่งพี่จะเจอครอบครัวเเค่ 3-4 ครั้ง โดยการนั่งรถเมล์มาหาครอบครัวที่กรุงเทพเเต่ส่งเงินให้พ่อทุกเดือน จำได้เลยตอนนั้นเงินเดือนเเค่ 1,500 บาทเอง พี่ให้พ่อหมดเลยนะ พี่ใช้เเค่ทิปที่ได้มาบ้างในการซื้อของ ตอนนั้นคิดอย่างเดียวอยากใช้หนี้ให้หมดไวๆ อยากกลับมาอยู่พร้อมหน้าครอบครัว
ครอบครัวของพี่ทำงานก่อสร้างกันพี่อายุไม่ถึงเลยต้องแยกมาทำงานร้านอาหารก่อน ชีวิตพี่เป็นเเบบนี้มาจนพี่อายุ 16 ปี ได้เงินเดือน 3,000 บาทเเล้ว.. พี่เริ่มคิดแล้วว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่รวยสักที พี่เริ่มมองหางานใหม่ในกรุงเทพเพื่อที่จะได้ทำงานใกล้ครอบครัวมากขึ้น (ความเหงาไม่เคยหายออกจากชีวิต หลายครั้งที่เหนื่อย ท้อ อยากกอดใครสักคน เเต่ก้อทำได้เเค่ยิ้ม หัวเราะ เเล้วบอกทุกคนว่าพี่สบายดี)
พี่ย้ายมาทำร้านอาหารกึ่งผับเเห่งหนึ่งในกรุงเทพย่าน RCA พี่ได้พักอยู่กับพ่อเเละเมียใหม่พ่อในห้องเช่าเล็กๆ ในเเคมป์คนงานก่อสร้าง พี่เกือบโดนข่มขืน โชคดีที่พี่ตื่นเห็นมันกำลังมุดเข้ามุ้ง เลยกรีดร้อง มันเลยรีบวิ่งออกไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะมืดมาก พี่เลยย้ายมาพักในร้าน
ร้านที่พี่อยู่ เจ้าของร้านทำธุรกิจผิดกดหมายเปิดร้านบังหน้าไว้ฟอกเงิน พี่อยู่ตั้งเเต่เป็นเด็กเสริ์ฟ จนเขาไว้ใจให้ดูเเลร้านเเทน ตอนนั้นมีความภูมิใจในตัวเองมาก ชั้นอายุแค่ 17 แต่ชั้นสามารถเป็นผู้จัดการร้านได้ ทำทุกอย่างตั้งเเต่คิดตังค์ ทำบัญชี คิดเงินเดือน จ่ายเงินเดือนพนักงาน สั่งของ เช็คของ บางทีความรับผิดชอบก็มากเกินไปสำหรับเด็กอายุเเค่ 17 ปี เเต่ก็ทำมาเรื่อยๆ จนร้านถูกสั่งปิด (ถึงพี่จะอยู่ในสังคมเเบบนั้นพี่ก้อไม่เคยคิดจะลอง ทั้งเรื่องยา เเละสิ่งผิดกดหมาย พี่อยู่ในร้านเหล้าเเต่พี่ไม่ดื่มเหล้า คนเราไม่จำเป็นต้องทำตามคนอื่น ถ้าเรารู้ว่าสิ่งนั้นมันไม่ดี คนเราเลือกเกิดไม่ได้เเต่เลือกที่จะเป็นได้)
ระหว่างที่ทำงาน พี่ได้คุยกับผู้ชายคนหนึ่ง แฟนคนแรกของพี่ เขาอายุมากกว่าพี่ 10 ปี เรามีอะไรกัน แล้วพี่เกิดตั้งท้อง ตอนนั้นพี่บอกเขา เเต่สิ่งที่เขาตอบพี่ คือให้พี่ไปเอาเด็กออก พี่กลัวมาก กลัวพ่อด่า กลัวคนอื่นมองไม่ดี ทั้งอาย ทั้งสับสนว่าจะทำยังไงกับชีวิต เครียดจนเป็นลมบ่อยๆ จนสุดท้ายพี่ตัดสินใจเดินไปบอกพ่อว่าพี่ท้อง เชื่อไหมพ่อไม่ด่า ไม่ต่อว่าพี่สักคำ แต่เเววตาของพ่อตอนนั้นพี่รู้ว่าพ่อผิดหวังมาก พี่เลยสัญญากับตัวเองว่าว่าจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังอีก แล้วพี่ก็ย้ายไปอยู่บ้านเเฟนมีงานเเต่งงานเล็กๆ ชีวิตคู่ที่ไม่ได้มาจากความรักมันไม่มีความสุขเลย เขายังคงดำเนินชีวิตปกติ กิน เที่ยว บ้านช่องไม่กลับ
พี่เครียด พี่ทุกข์มากแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้เเต่บอกพ่อว่าหนูยังไหว พยายามประคองชีวิตคู่ให้ดำเนินต่อไป (พี่เคยคิดว่าการที่พี่ท้องมันทำให้ชีวิตพี่พัง อนาคตพี่ดับ เเต่เปล่าเลย ตรงกันข้ามตอนนี้พี่คิดตลอดเวลาว่าถ้าไม่มีลูก ชีวิตพี่คงไม่มีจุดยืน ไม่รู้ว่าจะทำเพื่อใคร) จนพี่คลอดลูกสาวออกมา พี่พึ่งอายุ 18 ปี ต้องเลี้ยงลูกเอง ทำเองทุกอย่าง เน้นว่าทุกอย่าง พี่นอนร้องไห้น้อยใจในวาสนา พี่อยากมีคนรัก อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น อยากมีคนที่จะมาเติมเต็มสิ่งที่พี่ขาด เเต่พี่ก็ประคองมันต่อไปไม่ไหว พี่ทนอยู่แบบนั้นจนลูกพี่ครบ 1 ขวบ พี่เลยขอออกมาหางานทำ เพราะพี่เเทบจะไม่ได้ส่งเงินให้พ่อใช้เลย
พี่เริ่มออกหางานทำ ความสัมพันธ์ของพี่กับเเฟนก็เริ่มจบลง เขามีผู้หญิงอื่น ลูกพี่ก็อยู่กะปู่กะย่า ท่านอาสาเป็นคนเลี้ยง เพราะครอบครัวพี่จนมาก พี่ย้ายออกมาอยู่ห้องเช่า ช่วงเวลานั้นทรมานกับความคิดถึงลูกมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่กล้าไปหาลูก กลัวต่างๆ นานา กลัวว่าจะต้องเจอแฟนเก่า กลัวปู่กะย่าจะไม่ให้เจอลูก (น้อยใจในโชคชะตา ทำไมชีวิตเราไม่มีความสุขเหมือนคนอื่นสักที) พี่ยังคงต้องทำงานต่อไปด้วยหัวใจหดหู่ สิ้นหวัง นอนร้องไห้คิดถึงลูกทุกคืน กินข้าวไม่ได้เป็นลมก็บ่อย กว่าจะผ่านไปได้แต่ละวันช่างยาวนานเหลือเกินพี่ต้องทนอยู่กับความทุกข์ความทรมาน ทรมานกับความคิดถึง เฝ้าโทษตัวเองตลอดเวลาในการเลือกคบคนผิด เวลาผ่านไปสองปี พี่แทบจะไม่ได้พบลูกเลย ได้เเต่ถามข่าวลูกจากน้องสาวแฟนเก่า "ได้เเต่บอกตัวเองว่าชีวิตชั้นต้องดีขึ้น จะต้องมีบ้าน มีรถ ชั้นจะได้รับเค้ากลับมาอยู่ด้วย" พี่เริ่มมีจุดมุ่งหมายในชีวิต
ข้ามมาจุดเปลี่ยนชีวิตของพี่เลย พี่ได้รับโอกาสจากการชักชวนของญาติห่างๆ คนนึงให้มาทำงานนวดแผนไทย เเละได้มาสมัครงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวในสปา ของโรงเเรมที่หรูหรามากในกรุงเทพ โรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็น กรุงเทพ แล้วพี่ก็ได้รับโอกาสนั้น พี่ดีใจมาก พี่จบแค่ ป.6 ภาษาอังกฤษไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้เลย เเต่พี่มีโอกาสได้มาทำงานที่นั่นพี่ดีใจ ลูกค้าส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติ พี่ตั้งใจทำงานเต็มที่ จนหัวหน้ามองเห็นความขยันมุ่งมั่นเเละความตั้งใจจริงของพี่ เขาจึงให้โอกาส รับพี่เข้ามาทำงานเป็นพนักงานรายเดือนก่อน เเละนั่นยิ่งต้องทำให้พี่อยากผลักดันตัวเอง พี่ต้องทำให้ได้ วันนึงพี่จะพูดภาษาอังกฤษเเละจะคุยกับฝรั่งให้รู้เรื่อง ชั้นต้องทำได้
เมื่อพี่ได้รับโอกาสนั้นเเล้ว พี่ฝึกอ่านภาษาอังกฤษทุกวัน จำที่คนนั้นคนนี้พูด อยากไปเรียนแต่ไม่มีเงิน พี่ทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาตนเองเพื่อไม่ให้เป็นจุดด้อย เพื่อที่จะได้เก่งเหมือนคนอื่น ผ่านไปหนึ่งปี พี่ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ เย้! พี่กำลังจะมีเงินแล้ว เดือนเเรกที่พี่ได้รับเงินเดือน สองหมื่นกว่าบาท และยังได้ทิปอีก พี่ดีใจมาก พี่เริ่มโทรหาลูกให้เงิน ซื้อของไปฝาก เค้าก้อไม่ได้ปิดกั้นพี่ในการเจอลูก พี่สามารถรับลูกมาอยู่ด้วยได้ในช่วงปิดเทอม พี่ทำสำเร็จเเล้ว พอเริ่มมีเงินพี่ก็หันกลับมาเรียน กศน. จนจบ ม.6 เเละเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มจนพี่เริ่มสื่อสารกับลูกค้าต่างชาติได้
ชีวิตพี่คงราบเรียบถ้าพี่ไม่ต้องมาเจอผู้ชายคนนึง คนที่สอนพี่หลายอย่าง สอนให้พี่รักเป็น เขาอายุมากกว่าพี่18 ปี เป็นทหารเรือเเละเป็นรักแรกของพี่ เขาสอนพี่เข้าสังคม พี่เริ่มเที่ยว เริ่มใช้เงิน เริ่มดื่มเหล้า เขาดูเเลพี่ดีมากๆ จนพี่รักเขามากเเละเราได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน พี่คิดว่าชีวิตพี่มีพร้อมเหมือนครอบครัวอื่นเเล้ว มีคนรัก มีการงานที่มั่นคงเค้าจะเป็นคนที่มาเติมเต็มในสิ่งที่พี่ขาดหาย เเต่เปล่าเลย ความไว้ใจของพี่ถูกพังลงพร้อมกับโอกาสเรื่องงาน
พี่ได้รับเลือกให้ไปฝึกงานเเละช่วยงานโรงเเรมในเครือที่ต่างประเทศ 2 เดือน เมื่อพี่กลับมาพี่จับได้เขาเเอบมีผู้หญิงคนอื่นในครั้งเเรกพี่ก็อภัย คนเราผิดพลาดกันได้ ผ่านไปสองปีพี่ถูกส่งไปทำงานต่างประเทศอีก 3 เดือน พี่กลับมา พี่จับได้อีก เเล้วเป็นผู้หญิงคนเดิม เขาสองคน รวมหัวกันหลอกพี่มาเป็นเวลาร่วมสองปี อนาคตที่วาดไว้ การได้อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น การได้อยู่กับคนรัก พังทลายลง เสียใจจนไม่รู้จะอธิบายยังไง 4 ปีที่คบกันความรักที่ทุ่มเททุกอย่างของพี่ถูกพังลง พี่ทำหลายอย่างเพื่อประชดเขา พี่ทำร้ายตัวเอง กินเหล้าเมามาย เฝ้าโทษตัวเองในความโง่ หลายครั้งเคยคิดอยากตาย เเต่พี่นึกถึงหน้าลูกสาวเเละพ่อพี่จะตายได้ยังไงสองคนนี้ยังไม่สบายเลย พี่จึงตัดสินใจจบความสัมพันธ์
พี่เริ่มกลายเป็นคนเก็บกด เก็บอาการ ทำตัวให้เเข้มเเข็งเพื่อไม่ให้ใครเห็นความอ่อนแอ นอนร้องไห้ทุกคืน บอกกับตัวเองชั้นจะไม่รักใครอีกแล้วไม่มีผู้ชายคนไหนดีเท่าพ่ออีกแล้ว มีชีวิตอยู่ไปแบบวันวันไม่มีจุดหมาย ใช้เหล้าดับทุกข์หลงระเริงกับเเสงสีอยู่ได้ไม่กี่เดือนเงินเริ่มหมด เริ่มคิดได้ ชั้นทำแบบนี้เพื่ออะไรโง่สิ้นดี " พี่จึงเริ่มกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงาน พี่ต้องมีอนาคตที่ดีขึ้น" พี่เริ่มกลับมาเรียนอีกครั้ง แล้วพี่ก็เริ่มส่งตัวเองเรียนปริญญาตรีจนจบ ด้านการบริหารเเละจัดการการโรงแรม (วันรับปริญญาพี่เห็นเเววตาเเห่งความภูมิใจของพ่อ มันทำให้พี่น้ำตาไหลเลย พ่อจ๋าลูกทำได้เเล้ว ) เเละพี่ยังมีโอกาสได้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ประเทศออสเตรเลียเป็นเวลาหกเดือน โดยการช่วยเหลือของลูกค้าในโรงเเรมท่านหนึ่ง ซึ่งท่านจะมาพักผ่อนที่โรงเเรมทุกปีพร้อมสามี เเละพี่ได้ให้การดูเเลท่านมาเป็นเวลารวม 7 ปีท่านได้ยื่นโอกาสให้พี่ไปเรียนฟรีในโรงเรียนของท่าน โดยท่านออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้พี่ เเถมยังได้เงินเดือนอีก 60,000 บาท เเลกกับการทำงานที่คลินิคความงามของท่าน เรียนจบ พี่ก็กลับมาทำงานที่เดิม ปัจจุบันพี่ทำงานที่นี่มาเกือบ 10 ปีแล้ว ทุกวันนี้พี่มีบ้าน มีรถ ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่พี่ก็สามารถดูเเลช่วยเหลือครอบครัวได้
พี่แอบภูมิใจในตัวเองนะ จากเด็กบ้านนอก ที่ต้องใช้ชีวิตตามลำพัง ต้องดูเเลตัวเอง ต้องสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง หลายครั้งที่พลาด ผ่านเรื่องทุกข์ก็เยอะ สุขก็เยอะ เเต่พี่ก็ผ่านมันมาได้ พี่จึงอยากแชร์ประสบการณ์ไว้เป็นข้อคิดกับน้องๆ ทุกคนเกิดมาย่อมเจอกับปัญหาทั้งนั้น อยู่ที่เราจะเลือกให้ปัณหานั้นมันทำลายเรา หรือจะเลือกให้ปัญหานั้นเป็นเเรงผลักดันให้กับตัวเอง จำไว้คนเราทุกคนเลือกเกิดไม่ได้เเต่เราเลือกที่จะเป็นได้
ทุกวันนี้พี่ยังคงหวังว่า สักวันพี่คงไม่ต้องโดดเดี่ยว สักวันพี่คงเจอกับความรักที่พี่โหยหามาตลอดชีวิต ทุกวันนี้พี่ก็ได้เเต่ทดแทนสิ่งเหล่านั้นโดยการเป็นผู้ให้ ได้มอบความรักให้ลูก ให้พ่อ เเละยังเผื่อเเผ่ไปถึงสังคม ผู้คนที่ด้อยโอกาส พี่เริ่มช่วยเหลืองานสังคมมากขึ้น หลายๆ อย่างที่พอจะทำได้ พี่มีความสุขที่ได้มีโอกาสได้เป็นผู้ให้ การได้ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบเเทนมันทำให้พี่คลายทุกข์ไปได้มาก
ทุกครั้งที่พี่ทุกข์ใจพี่ก้อจะมองคนที่เเย่กว่าเรา แล้วปลอบใจตัวเองว่าเรายังโชคดีที่เกิดมามีร่างกายสมบูรณ์ ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์ ได้อย่างต้องเสียอย่าง จงรักษาเเละดูเเลตัวเองไม่มีใครรักเราเท่าตัวเราเอง เมื่อตัดความทุกข์ได้เราจะมีความสุข จงพยายามทำทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่นเเละตั้งใจจริง เต็มที่ในสิ่งที่เราทำ รักในสิ่งที่เราทำ อย่าพูดว่าทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ อย่าอายที่จะทำ อย่ากลัวกับการเริ่มต้น ให้บอกตัวเองเสมอว่าชั้นทำได้ เเล้วทุกอย่างมันจะออกมาดีเอง
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังสิ้นหวังค่ะ
จาก ผู้ที่เคยสิ้นหวัง
'กิจกรรม : บริจาคเรื่องเรา เร้าพลังน้อง'
บริจาคประสบการณ์ชีวิตของคุณสร้างแรงบันดาลใจ ให้กำลังใจเด็กๆ ส่งมาได้ที่ farmsookicecream@gmail.com
ขอบคุณการแบ่งปันทุกๆ เรื่องราว