พี่ที่เคยขี้วีน
ครอบครัวของพี่ มีพ่อทำกิจการส่วนตัว เป็นเจ้าของโรงงานผลิตกล่องกระดาษลูกฟูก พ่อก็บริหารโรงงานหาเงินเข้าบ้าน ส่วนแม่ ก็เป็นแม่บ้าน ดูแลความเป็นอยู่ของทุกๆคนในบ้าน และมีช่วยพ่อทำงานในโรงงานบ้าง
พ่อและแม่ของพี่ ต่างช่วยกันทำหน้าที่ของตัวเอง จนทำให้ลูกทั้ง 3 คนรวมตัวพี่ด้วย อยู่สุขสบาย ไม่เคยต้องลงมาลำบาก มีกิน มีใช้ ให้การศึกษาที่ดี มาโดยตลอด พี่เอง ที่ผ่านมา ก็ดำเนินชีวิตอย่างสุขสบาย มีพ่อให้ตังค์ ออกค่าเทอมให้ เรียนๆ เล่นๆ เหมือนวัยรุ่นทั่วๆ ไป แต่พี่เองก็เรียนจบตามเกณฑ์นะ จบปริญญาตรี ตามที่พ่อบอกพี่ตลอดช่วงเรียนหนังสือว่า พี่มีหน้าที่หลักคือเรียนหนังสือให้จบ
พอเรียนจบ แม่อยากให้มาช่วยพ่อทำงาน พ่อจะได้ไม่ต้องจ้างคนมาดูเรื่องเอกสารในออฟฟิศ ก็โอเค ไม่หางานข้างนอกทำอะไรทั้งนั้น จบมาพัก 2 อาทิตย์ ก็ลงมาเรียนรู้งานในออฟฟิศกับพ่อเลย ทำงานแบบมีพ่ออยู่ก็สบายหน่อย มีคนคอยบอกคอยสอน ตอนนั้นพนักงานในโรงงานก็พร้อม มีแต่คนเก่าแก่อยู่มานาน มีฝีมือ เราก็เลยไม่ได้มีหน้าที่อะไรมากมายนัก แค่คอยเตรียมเอกสารไม่กี่อย่าง ชีวิตทำงานช่วงหลังเรียนจบ ก็เลยสุขสบายเหมือนตอนเรียน ไม่ได้รับผิดชอบอะไรมากมายเท่าพ่อ เราก็ทำงานๆ เล่นๆ ทำบ้างไม่ทำบ้าง ตั้งใจบ้าง ไม่ตั้งใจบ้าง ก็เป็นแบบนี้อยู่ ประมาน 4 ปี ก็เกิดจุดเปลี่ยนที่พี่เองก็คาดไม่ถึง
พ่อพี่ล้ม เส้นเลือดในสมองแตก ช่วงปลายปี 54 ที่ผ่านมา ช่วงนั้นพี่และคนในครอบครัวเสียสูญกันมาก สิ่งแรกที่เราทุกคนกลัว คือเรากลัวพ่อเราตาย แต่โชคดีมากๆ ที่พ่อพี่รอด แต่ก็ไม่สามารถกลับมาบริหารโรงงานได้เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะแม้ด้านร่างกายจะเป็นปกติ แต่ด้านสมอง และความคิดนั้น ไม่เหมือนคนปกติอีกต่อไปแล้ว
พี่ซึ่งเป็นพี่คนโต กับแม่ และน้องๆ อีก 2 คน ก็ไม่ได้คิดกลัวเลยนะว่า ถ้าพ่อทำงานไม่ได้แล้วจะอยู่กันยังไง เพราะพ่อเป็นเสาหลักหาเงิน พวกเราคิดแค่ว่าแค่พ่อมีชีวิตอยู่ เดินเหินได้ พูดสื่อสารกับเราได้นั้น ก็ดีมากเท่าไหร่แล้วสำหรับครอบครัวของเรา
หลังจากเหตุการณ์นั้น ในช่วงแรกๆ พวกเราก็ยังเจอเหตุการณ์หนักๆ อีกมากมาย ทั้งผลจากการผ่าตัดสมองที่ส่งผลให้พ่ออารมณ์ไม่ปกติ คือนอกจากจะต้องช่วยกัน ทำให้กิจการดำเนินไปอย่างราบรื่นแล้ว ยังต้องรับมือกับอารมณ์ของพ่อกันอยู่พักใหญ่เลย ช่วงแรกๆ พวกเราก็เหนื่อยกันมากนะ แต่ทุกคนในบ้านก็เต็มที่กับหน้าที่ตัวเองกันมาก ยอมเปื้อนฝุ่น เปื้อนสีพิมพ์กล่อง เป็นกรรมกรแบกหาม (ตอนเด็กๆ เคยทำกันที่ไหน) งานที่เคยคิดว่าจะทำไม่ได้ ก็ฮึดขึ้นมาพยายามเรียนรู้ หาคำตอบ กันจน ทำเป็น ทำได้ แม้ปัจจุบันจะยังไม่เก่งก็เถอะ แต่โรงงานก็ยังคงดำเนินการต่อไปได้จนถึงทุกวันนี้
จากวันที่พ่อล้มตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ ร่วม 6 ปี แล้ว จุดเปลี่ยนในครั้งนั้น จากพี่ซึ่งเป็นคนที่เคยอยู่แบบสุขสบาย มาตลอด ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย แถมวุฒิภาวะทางอารมณ์พี่ต่ำมาก ขี้เหวี่ยง ขี้วีน ขี้โวยวาย ไม่ได้ดั่งใจนี่คือดิ้นเป็นเด็กเลยนะ แบบทำลายข้าวของก็มี ใจร้อน (เด็กๆ ห้ามลอกเลียนแบบนะคะ)
พอลงมาจับงานแทนพ่อเท่านั้นแหละ ต้องไปพบปะลูกค้า ต้องบริการลูกค้า ต้องคอยติดต่อประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงงาน ต้องคอยคุมพนักงาน ให้ผลิตกล่องออกมาตามความต้องการของลูกค้า โดนคนเอาเปรียบบ้างอะไรบ้าง ทำงานพลาดบ้าง เสียหายบ้าง คืองานที่พี่ทำแทนพ่อ ความรับผิดชอบมันเยอะมาก พี่ก็เรียนรู้ ลองผิด ลองถูกกับมัน จนคำถามมากมายที่เคยสงสัยตอนทำงานใหม่ๆ มันก็ค่อยๆ มีคำตอบโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ตลอดเลย ประสบการณ์การทำงานก็มากขึ้น เก่งคน ทันคนมากขึ้น พูดจาเพราะมากขึ้น มีเทคนิคต่างๆ ที่ทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น พี่รู้สึกได้ว่า ทั้งปัญหาต่างๆ ข้อผิดพลาดต่างๆ ถ้าเราเผชิญหน้า เรียนรู้ และ แก้ไขมันได้ เราก็จะปลดล็อคตัวเอง ทำให้ตัวเองทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วปัจจัยสำคัญเลยนะที่จะทำให้เราผ่านพ้นได้ทุกสถานการณ์คือ สติ
ถ้าเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่าฉันไปไม่ไหว ฉันแย่แน่ๆ ให้หนีไปทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกสงบ พอสงบ แล้วเราจะมีสติ พอสติมา ปัญญาก็จะเกิดขึ้นมาเอง
พี่จึงหนีไปนอนบ่อยๆเวลา ปัญหารุมเร้า แบบชัทดาวน์ตัวเอง ตื่นมาค่อยว่ากัน บู๊กับเรื่องตรงหน้าต่อ 55555
ถึงทุกวันนี้พี่จะยังไม่ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานทั้งหมดตามที่หวังไว้ แม้จะทำได้แค่ ทำให้โรงงานนั้นไม่ล้มลงไปตามพ่อ
พี่เองก็ยังต้องแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับกิจการอย่างต่อเนื่อง เงินทองพี่เองก็หาได้ไม่เยอะเท่ากับตอนที่พ่อทำโรงงานเลย ท้อนะ เหนื่อยด้วย บ่นๆ ทำไมไม่เก่งเท่าพ่อเสียที
แต่ พอพี่เลิกงานขึ้นบ้าน เห็นพ่อหัวเราะ มีความสุข ก็ทำให้มีสติรู้ขึ้นมาว่า เราเหนื่อยตรงนี้เพื่อใคร แค่ทุกวันนี้พี่มีโอกาสได้ทำงาน เพื่อบุพการี ก็ดีมากแค่ไหนแล้ว
พี่ขอเป็นกำลังใจให้กับน้องๆทุกคน ที่พยายามเพื่อตัวเราเอง หรือเพื่อคนในครอบครัวนะคะ พี่เองก็จะพยายามเดินหน้าต่อไป เพื่อครอบครัวของพี่เหมือนกัน สุขภาพจิตใจสำคัญมากนะคะ พยายามรักษาใจของเราให้ดี จะได้มีสติ มีแรง สู้กับชีวิตเนอะ มาพยายามไปด้วยนะคะ
Mami Poko
'กิจกรรม : บริจาคเรื่องเรา เร้าพลังน้อง'
บริจาคประสบการณ์ชีวิตของคุณสร้างแรงบันดาลใจ ให้กำลังใจเด็กๆ ส่งมาได้ที่ farmsookicecream@gmail.com
ขอบคุณการแบ่งปันทุกๆ เรื่องราว